Red Dead Redemption 1 ตัวละคร

Red Dead Redemption 2 ถือเป็นหนึ่งเกมดีของทาง Rockstar ที่ถือว่าได้รับคำวิจารณ์ในทางที่ดีเป็นอย่างมาก ทั้งในส่วนเนื้อเรื่อง เกมเพลย์ และด้วยความที่เป็น Open World ผู้เล่นจะมีอะไรให้ทำเยอะมาก ผ่านตัวเอกของเรา Arthur Morgan ด้วยเกมนี้เนื้อเรื่องเกิดก่อนภาคแรก มันเลยมีเรื่องน่าสนใจหลายอย่างที่เกี่ยวโยงกัน บทความนี้ผมจะมาบอกถึง 9 เรื่องในเกม Red Dead Redemption 2 ที่เกี่ยวโยงถึงภาคแรก และผมขอเตือนไว้ก่อนว่า มีการสปอยเนื้อเรื่องเกมทั้งภาค 1 และ 2 หากใครยังเล่นไม่จบ อย่าเพิ่งอ่านบทความนี้ แต่หากใครทำใจได้ ไม่สนไม่แคร์เรื่องการสปอย ก็เชิญอ่านกันได้เลยครับ

*คำเตือน* เนื้อหาบทความมีการสปอลย์เนื้อเรื่องสำคัญของเกมทั้ง 2 ภาค

1. Agent Ross และการตกปลา

Red Dead Redemption 1 ตัวละคร

ถ้าคุณได้พา Jack Marston ไปทำเควสตกปลาในช่วงต้นเกม จะได้เจอเจ้าหน้าที่หนุ่มของ Pinkerton ชื่อว่า Agent Ross ผู้ที่ทำการจับกุมและฆ่า John Marston พ่อของเขาในภาคแรก นี่เป็นพบกันครั้งแรกของ Agent Ross และ Jack Marston และต่อมาใน Epilogue ของเกมภาคแรก คุณจะได้เล่นเป็น Jack และได้พบกับ Agent Ross อีกครั้งเพื่อล้างแค้นต่อการตายของพ่อเขา และ Jack ก็ได้ฆ่า Agent Ross ในขณะที่เขากำลังตกปลาอยู่

2. สู้กับแรงโน้มถ่วงไม่ได้หรอก

Red Dead Redemption 1 ตัวละคร

ในตอนที่ Arthur กับ Dutch กำลังจนมุมบนหน้าผา ขณะกำลังหนีเจ้าหน้าที่ ที่กำลังตามล่า เขาจึงได้กระโดดจากหน้าผา ลงแม่น้ำเพื่อหลบหนีไป แต่ก่อนที่จะกระโดด Dutch ได้บอกไว้ว่า “นายสู้กับแรงโน้มถ่วงไม่ได้หรอก” และคำพูดนี้ ก็ได้พูดถึง John Marston ในตัวเกมภาคแรก ก่อนที่ Dutch จะตกจากหน้าผาและฆ่าตัวตาย

3. เข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน

Red Dead Redemption 1 ตัวละคร

ในเกมภาคแรก John Marston ได้เข้าไปพัวพันกับการปฏิวัติเม็กซิโก และตัวเขาก็ได้แตกหักกับความเชื่อมั่นภักดีสำหรับผู้นำฝ่ายผู้ปฏิวัติ โดยการเป็นนกสองหัวที่ได้เข้าร่วมกับทั้งสองฝ่าย (ฝ่ายทหารและฝ่ายปฏิวัติ) เพื่อหาข้อมูลในการตามล่า Javier และในเกมภาค 2 ก็มีเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันกับเรื่องของ Rain Falls และ Eagle Flies ซึ่งมันซับซ้อนกว่าเดิม และ Arthur ต้องเกี่ยวพันกับเรื่องเหล่านี้ แต่ก็ต้องขอบคุณ Dutch ที่ทำให้แก๊งของเขาต้องทำงานกับคนทั้งสอง และทำให้ความเป็นอยู่ของชนเผ่า Wapiti แย่ลงมากขึ้น

4. ชายแปลกหน้า

ในเกมภาคแรก จะมี Side Quest ชื่อว่า “I Know You”  ที่เราจะได้พบกับชายใส่หมวกสูงคนหนึ่ง ที่รู้เรื่องราวของ John Marston แทบจะทุกเรื่องอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ว่าในภาค 2 เราจะไม่ได้เจอเขา แต่จะเป็นชายแปลกหน้า ที่อาศัยอยู่ในบริเวณบ้านพักสภาพทรุดโทรมใน Lemoyne ช่องยูทูบชื่อว่า GTA Series มีวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ สามารถเข้าไปดูได้ หากอยากรู้วิธีที่จะเจอกับเขา

5. Red Dead Redemption Theme

ใน Epilogue ของเกมภาค 2 จะมี Theme ของเกม Red Dead Redemption ภาคแรก ที่ John แต่งตัวในชุดเครื่องแต่งกายของภาคแรกในการตามล่าโจรขโมยสัตว์ จากฟาร์มสัตว์บริเวณใกล้เคียง

6. งานทั่วไปในฟาร์มปศุสัตว์

Red Dead Redemption 1 ตัวละคร

ในตอนจบของตัวเกมภาคแรก Jack จะได้ทำงานเล็กน้อยภายในบริเวณ Beecher’s Hope เพื่อให้เห็นถึงการทำงานของเขาหลังจากผู้เป็นแม่ Abigail ได้เสียชีวิตไป ส่วนใน Epilogue ของเกมภาค 2 เราจะได้ทำงานคล้ายๆกัน เพราะ John เป็นคนสอน Jack ให้ทำงานเหล่านี้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่าเนื้อเรื่องส่วนนี้ เป็นการหยุดพักหน้าที่การเป็นคาวบอยของ John ชั่วคราว ก่อนที่เขาจะถูกเจ้าหน้าที่ตามจับในภายหลัง

7. มาเยือน Pike’s Basin อีกครั้ง

Red Dead Redemption 1 ตัวละคร

ในภารกิจ Epilogue ของตัวเกมภาค 2 ชื่อว่า “An Honest Day’s Labors” คุณจะได้เดินทางไปกับ Sadie ไปยังสถานที่ชื่อว่า Pike’s Basin เพื่อตามล่าชายคนหนึ่งที่ขโมยเงินรางวัลจากการล่าค่าหัวไป ซึ่งในสถานที่แห่งนี้อยู่ในภารกิจหลักชื่อว่า “Justice in Pike’s Basin” ที่ตัวเอก John ได้ทำงานร่วมกับ Marshal Johnson ในเกมภาคแรกด้วย

8. จดหมายถึง Bonnie MacFarlane

Red Dead Redemption 1 ตัวละคร

ตอนที่ได้เล่นเป็น Arthur เราจะได้พบกับชายคนหนึ่งนอนเกยชายฝั่งอยู่ทางตอนใต้ของ Van Horn Trading Post เมื่อเข้าไปใกล้ๆ ทำให้เรารู้ว่าเขายังไม่ตาย และเขายังให้จดหมายแก่ Arthur ให้ส่งจดหมายนี้ไปถึง Bonnie MacFarlane ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญของ John ในตัวเกมภาคแรก และเมื่อเราได้เล่นเป็น John ใน Epilogue ของเกมภาค 2 เราสามารถไปที่ฟาร์มของ MacFarlane ที่ New Austin ได้ แต่คุณจะไม่เจอเธอ เนื่องจากการมีอหิวาตกโรคระบาดในพื้นที่แห่งนั้น

9. หลุมศพที่ Beecher’s Hope

Red Dead Redemption 1 ตัวละคร

หลังจาก Credits ตอนจบของ Red Dead Redemption 2 จบลง หากคุณกลับเข้ามาในเกม John และ Abigail จะยืนอยู่บนโขดหินบริเวณ Beecher’s Hope โดย Abigail ได้บอก John ว่า เธอรักในบ้านใหม่แห่งนี้  ซึ่งจุดที่ยืนนั้น เป็นหลุมฝังศพของ John และ Abigail ในตอนจบของเกมในภาคแรกด้วย

ในวันที่ค่าย Rockstar Games จอมเล่นใหญ่แห่งวงการ ปล่อยเกม Red Dead Redemption 2 ออกวางขายในเดือนตุลาคม ปี 2018 เกม ๆ นี้สร้างอิมแพค และได้รับความสนใจจากเหล่าเกมเมอร์เป็นอย่างมาก 

พวกเขาบอกกันว่า นี่เป็นเกมที่สมบูรณ์แบบ ด้วยสตอรี่, เกมเพลย์ และแน่นอนที่สุดคือ Protagonist หรือ “ตัวเอก” ของเกม ที่ออกแบบมาได้อย่างครบรสถูกใจคนเล่น 

เพราะตัวเอกที่ว่านี้ ไม่ใช่ทั้งซูเปอร์ฮีโร่ ไม่ใช่ยอดฝีมือ เเต่เป็นคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่มีความดี ความเลว ความโลภ และความจงรักภักดี ในเวลาเดียวกัน 

เมื่อคุณได้สวมบทของเขา “อาเธอร์ มอร์แกน (Arthur Morgan)” คุณย่อมรับรู้ได้ทันทีว่า นี่คือหนึ่งในตัวเอกที่ดีที่สุดคนหนึ่งในโลกเกม

กว่าจะมาเป็น อาเธอร์ มอร์แกน แห่ง  Red Dead Redemption 2 ผู้สร้างคิดเห็นอย่างไร ทำไม อาเธอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ได้ขนาดนั้น 

นี่คือเรื่องราวทั้งหมดของเขา ติดตามได้ที่ – Len.game 

ตัวละครใหม่ และเดิมพันการเป็นยอดเเห่งเกม 

แค่ชื่อก็บอกเเล้วว่า Red Dead Redemption 2 นั่นหมายความว่านี่จะต้องเป็นเกมภาค 2 อย่างแน่แท้ โดย ซีรีส์ Red Dead Redemption ภาค 1 (2010) นั้นเปิดตัวมาตั้งแต่ยุคเกม PS3 ตัวละครหลักของภาคแรกคือ จอห์น มาร์สตัน ซึ่งก็สร้างความประทับใจในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตามด้วยความที่ตัวเกมภาค 2 ถูกตั้งเป้าว่าจะต้องกลายเป็นสุดยอดเกมแห่งปีที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทางทีมงาน Rockstar ควรเปลี่ยนตัวเอกของเกมใหม่ โดยยังเก็บ จอห์น เอาไว้ในบทบาทอื่น ๆ ในภาคที่ 2 นี้ 

“ในภาคที่ 1 เราเห็นความเสียใจที่เขาแบกรับ และต้องต่อสู้กับอดีตเป็นอย่างมาก เขาได้พยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อต้องการชีวิตที่สงบสุขเท่านั้น ดังนั้นเราจะต้องระวังไม่ไปเเตะปณิธานของจอห์นมากเกินไป เราไม่อยากทำให้ใครผิดหวัง แต่มันเป็นความท้าทายมากที่จะหาคนมาสานต่อตัวเอกต่อจากเขา” ไมเคิล อันสเวิร์ธ (Michael Unsworth) ครีเอทีฟอาวุโสของค่าย Rockstar Games กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการใช้ตัวเอกใหม่ในเกมภาค 2 ซึ่งก็คือ อาเธอร์ มอร์แกน นั่นเอง 

การสร้างตัวละครออกมาสักตัว แล้วทำมันออกมาได้ดี มีมิติ และสมจริง นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ค่าย Rockstar ใช้เวลาสร้างตัวละคร อาเธอร์ มอร์เเกน ถึง 8 ปี นับจากการเริ่มโปรเจ็กต์ครั้งแรก แต่เหนือสิ่งอื่นใดพวกเขาใช้ทีมงานกว่า 2,000 คน เพื่อทำรีเสิร์ชข้อมูลต่าง ๆ ในแง่ของสตอรี่ของตัวละคร รวมถึงรูปลักษณ์ให้ออกมาดีที่สุด

ทีมงานได้เชิญดาราระดับฮอลลีวูดอย่าง โรเจอร์ คลาร์ก (Roger Clark) เข้ามาเป็นต้นแบบของตัวละครอาเธอร์ พวกเขาทั้งสองฝ่ายทำเวิร์กช็อปกันอย่างหนัก เพื่อให้ โรเจอร์ เขาถึงบทบาทของ อาเธอร์ ให้ดีที่สุด เพราะบทของตัวละครนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านเรื่องราวในเกม เขาจะต้องเป็น อาเธอร์ ได้ในทุกรูปแบบของเส้นเรื่อง 

ภาค 2 ของ Red Dead นั้นจะแตกต่างออกไปในแง่ของเรื่องราวของตัวละครหลัก ขณะที่ จอห์น มาร์สตัน ตัวเอกของภาคแรกจะเเสวงหาความสงบสุข ตัวเอกภาค 2 อย่าง อาเธอร์ จะยังไม่เข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้ว่าตัวเขาต้องการอะไร แม้จะเติบโตบนเส้นทางของแก๊ง อยู่กับการปล้น ฆ่า และ เห็นคนโดนฆ่าตายมาเกือบทั้งชีวิต แต่ภายในเขายังคงสับสนในตัวเอง เนื่องจากเขายังมีเสี้ยวหนึ่งของความดีอยู่ ดังนั้นในแต่ละตอนแต่ละภารกิจ ผู้เล่นจึงมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของ อาเธอร์ ได้เอง และสามารถตัดสินใจแทนเขาได้ว่าจะให้เขาถูกพูดถึงในแง่ใด 

จะเป็น คาวบอยผู้มีคุณธรรม ปล้นคนรวยหรือนายทุนแล้วนำมาช่วยเหลือคนจนหรือชนกลุ่มน้อย หรือจะเป็นคาวบอยจอมฉาวโฉ่ ดาวเด่นของแก๊งที่ใครเห็นก็ต้องหลบสายตาเพราะความหวาดกลัว 

มิติของตัวละคร อาเธอร์ เกิดขึ้นจากตรงนี้ เริ่มต้นจากเรื่องราวต่าง ๆ ตอนที่เขายังเป็นเด็ก ขึ้นอยู่กับว่าคุณตัดสิน และอยากให้เขาเป็น อาเธอร์ เวอร์ชันไหนกันแน่ ? 

สิ่งที่จะทำให้คุณตัดสินเลือกเส้นทางต่อไปของ อาเธอร์ ได้ดีที่สุด คือการจำเป็นต้องค้นลงไปสู่เบื้องลึกข้างในตัวเขา ว่าแท้จริงแล้วเป็นคนแบบไหนกันแน่ ทั้งตัวตนในอดีตจนมาสู่การเป็นอาชญากร เกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง นี่คือสตอรี่ของ อาเธอร์ ที่สมกับการใช้เวลาออกแบบถึง 8 ปี ผ่านทีมงานกว่า 2,000 คน 

กำเนิด อาเธอร์ มอร์แกน 

เรื่องราวของ Red Dead Redemption 2 หลัก ๆ แล้วเกิดหลังยุคสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา ต้นเหตุมาจากข้อโต้แย้งที่ยืดเยื้อเกี่ยวกับการถือครองทาสในเวลานั้น โดยมีผู้เห็นต่างสองฝั่ง ได้แก่ฝ่ายเหนือที่เชื่อว่าการมีทาสคือเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่ฝ่ายใต้ก็มองว่าพวกเขาอยู่ในเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการทำเกษตร จึงต้องอาศัยทาสในการทำงาน ช่วงเวลาของสงครามอยู่ในราว ๆ ปี 1861 – 1865 ซึ่งนั่นตรงกับช่วงเวลาที่ อาเธอร์ มอร์แกน ลืมตาดูโลกพอดี 

อาเธอร์ เกิดในปี 1963 เขาเสียแม่ไปตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ขณะที่พ่อก็เป็นอาชญากร และโดนจับไปตอนที่เขาอายุได้ 11 ขวบ

อาเธอร์ อยู่แบบเด็กเร่รอนจน ได้พบกับ จอห์น มาร์สตัน ตัวเอกของภาค 1 ที่แก่กว่าเขา 1 ปี ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนรักกัน เปรียบได้กับการเป็นพี่น้องร่วมสาบาน ซึ่งการจะอยู่รอดได้ในเวลานั้นคือการต้องอาศัยการลักเล็กขโมยน้อยไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถูกชะตา และถูกชุบเลี้ยงโดยหัวหน้าแก๊งอาชญากรที่ชื่อว่า
“ดัตช์ แวน เดอร์ ลินด์ (Dutch Van der Linde)”  

ดัตช์ เข้าไปอยู่ในหัวของเด็ก ๆ ทั้ง 2 คน เขาปลูกฝังเรื่องความเท่าเทียมอันเป็นประเด็นสังคมในยุคนั้น โดยไม่ยอมรับและก้มหัวให้กับความเหลื่อมล้ำ รวมทั้งการกดขี่ของเจ้าหน้าที่รัฐหรือแม้กระทั่งนายทุนที่กดหัวคนจน ซึ่งช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ได้ผลิบาน แล้วส่งต่อให้ อาเธอร์ กลายเป็นคนที่ทนเห็นความอยุติธรรมไม่ได้ แม้จะขัดใจกับสิ่งที่เห็น เขาก็ไม่เคยลืมว่าตัวเองเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่ฮีโร่ ไม่ใช่อับราฮัม ลินคอล์น ที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกทำดีเท่าที่จะทำได้ในเวลาที่เหมาะสม ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องทำเลวเพื่อความอยู่รอดเรื่อยมา  

สถานการณ์และความกดดัน ทำให้ อาเธอร์ ต้องรับบทบาทอาชญากรตั้งแต่ยังเด็ก จากที่เคยลักเล็กขโมยน้อยตอนอยู่กับแก๊ง เขาได้เข้าร่วมปล้นธนาคารตั้งแต่อายุ 15 ปีเท่านั้น หลายสิ่งหลายอย่างในช่วงวัยรุ่นของเขา เกิดขึ้นแบบผิดที่ผิดทาง เขานอนกับผู้หญิงคนหนึ่งและเกิดตั้งท้องจนมีลูกชายชื่อ “ไอแซค (Isaac)”  

นี่คือทางแยกของชีวิตที่ อาเธอร์ มีสิทธิ์จะเลือกเส้นทางของตัวเองเหมือนกัน หากเขาเลือกที่จะกลับมาทำงานสีขาวเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับลูกชาย เขาก็อาจจะกลับมาเป็นคนในกฎหมายได้อีกครั้ง เขาถูกขอให้เลิกเป็นอาชญากร แต่ อาเธอร์ ไม่อาจจะให้คำสัญญานั้นกับใครได้ เพราะเขาเชื่อว่าไม่มีประโยชน์กับคำสัญญาที่ทำจริงไม่ได้ 

“ผมจะกลับมาเยี่ยมเป็นระยะ ๆ” นี่คือสัญญาที่ดีที่สุดที่ อาเธอร์ มอบให้ภรรยาและลูกของเขา ซึ่งวันหนึ่งเขาก็กลับมาหาลูกชายของเขาจริง ๆ แต่มันก็ไม่ทันกาล โจรเข้าปล้นบ้าน และลงมือฆ่าพวกเขาเสียชีวิต สิ่งที่หายไปคือเงินสด 10 ดอลลาร์สหรัฐ 

การสูญเสียคนที่รัก ทำให้เขากลายเป็นคนสองบุคลิกที่สับสนกับความเป็นตัวเอง ประการเเรกทุกครั้งที่ต้องออกปล้น ฆ่า หรือทำร้ายใคร เขาก็จะรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้ง 

อย่างไรก็ตามบนเส้นทางลูกผู้ชาย เมื่อเลือกเดินไปบนเส้นทางไหนก็ต้องไปให้สุด เมื่อเป็นอาชญากร อาเธอร์ ก็พยายามเป็นคนสำคัญของแก๊ง รักพวกพ้อง พร้อมจะทำทุกอย่างให้ภารกิจสำเร็จ ผู้คนในกลุ่มมองว่าเขาเป็นคนเลือดเย็นกว่าใคร เป็นคนที่ใช้สมองครุ่นคิดวิธีการต่าง ๆ ได้อย่างเยือกเย็น เมื่อถึงเวลาต้องใช้กำลังขั้นเด็ดขาดหรือปลิดชีพใครสักคน เพื่อทางรอดของแก๊งและคนที่เขารัก อาเธอร์ ก็ไม่มีความกลัวและลังเลที่จะเหนี่ยวไกเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นที่นับถือ และเสียงของเขาก็มักจะได้รับการตอบรับที่ดีเสมอจากสมาชิกของแก๊ง 

หากคุณเล่นตามเนื้อเรื่อง เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง อาเธอร์ จะได้รับจดหมายจากอดีตคู่หมั้นของเขาที่มีชื่อว่า แมร์รี่ ลินตัน (Mary Linton) ทั้งสองคนรักกันมาก แต่ก็ต้องเลิกรากันไปเพราะเส้นทางชีวิตนอกกฎหมายของ อาเธอร์  สิ่งเดียวที่ แมร์รี่ เตือนคู่หมั้นของเธอไว้คือ “มีคนดีซ่อนอยู่ในตัวคุณ แต่คนดีคนนั้น กำลังห้ำหั่นกับปีศาจอยู่ภายใน” 

รู้ตัวตนและใช้ชีวิตบนความเชื่อ 

ชีวิตในรูปแบบของเเก๊งดำเนินมาได้ช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่งการมาถึงของหัวหน้าแก๊งอย่าง “ดัตช์ แวน เดอร์ ลินด์” ที่พบเด็กคนหนึ่งที่กำพร้าพ่อแม่ เขาเริ่มทำการชักจูงเด็กคนนั้นให้เข้าเป็นมาเป็นสมาชิกของแก๊ง และเริ่มแสดงการใช้ความรุนแรง เพื่อฝังเข้าไปในหัวของเด็กคนนั้น 

อาเธอร์ รู้สึกว่าเขาเหมือนกับได้เห็นตัวเอง สิ่งที่ ดัตช์ สอนเขาไม่ว่าจะด้วยไม้แข็งหรือไม้นวมตั้งแต่เด็ก มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือ ดัตช์ ต้องการจะใช้ประโยชน์จากเด็กที่โดนครอบงำทางความคิด ให้เติบโตและกลายเป็นคนสำคัญของแก๊ง แท้จริงแล้วการเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้แก๊งอยู่รอดของเขา กลับถูกเรียกอย่างลับ ๆ ว่ามันไม่ใช่บทของฮีโร่ แต่เป็นบทของคนโง่ต่างหาก 

ดังนั้น อาเธอร์ ที่ออกปล้นตั้งแต่เหนือจรดใต้ของอเมริกา ฆ่าคนเพื่อดัตช์มามากมาย ทั้งคนเลวและคนบริสุทธิ์ จึงเข้าใจแล้วว่าแท้จริงแล้ว ดัตช์ ไม่ได้มีอุดมการณ์หรือต้องการเสรีภาพและความเท่าเทียม เหมือนกับสิ่งที่เขาถูกสอนให้เชื่อเมื่อครั้งยังเด็กอีกเเล้ว 

การต้องสู้กับอดีตที่แก้ไขไม่ได้ และอนาคตที่ยากจะเปลี่ยนแปลง เพราะเดินบนทางสายนี้มานาน ต้องลำบากขึ้นไปอีก เมื่อวันหนึ่ง ดัตช์ ป่วยหนักและเเก๊งของเขาถูกเล่นงาน อีกทั้งยังปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ จนสถานะการเงินย่ำแย่ ความมั่นคงในแก๊งจึงสั่นคลอน 

พวกเขาทนอยู่แบบอด ๆ อยาก ๆ จน ดัตช์ เสียชีวิต และมีการประกาศยุบแก๊งขึ้น … ช่วงเวลานี้ อาเธอร์ ได้ทบทวนตัวเองจากเรื่องต่าง ๆ ที่สับสนและเจ็บปวดในอดีตอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ได้พบว่า จริง ๆ แล้วเขาอยากจะเป็นแค่คนธรรมดาที่มีคุณภาพชีวิตดีกว่าที่เป็นอยู่เท่านั้น 

ทางเดียวที่จะทำได้ออกค้นหาสมบัติและเงิน ที่ ดัตช์ หามาได้สมัยที่ยังมีชีวิต และถูกซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง หากเขาหามันพบ เงินจำนวนนี้จะไม่ได้แค่เปลี่ยนชีวิตของเขาคนเดียวเท่านั้น อาเธอร์ ยังอยากจะมอบมันให้กับครอบครัวของ จอห์น ที่เป็นเหมือนพี่น้องร่วมสาบานของเขาอีกด้วย … นี่คือชีวิตอันสมบูรณ์แบบจากมุมมองของเขา 

ทว่าความจริงนั้น อาเธอร์ รู้อยู่แก่ใจว่าหลายสิ่งที่เขาทำลงไปในอดีต ได้สร้างศัตรูมากมายจากทั้งพวกนอกกฎหมายและจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ แม้ที่สุดเเล้วเขาจะหาสมบัตินั้นเจอ และมอบมันให้กับทุกคนที่เขารัก เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตสุขสบาย และเป็นการชดเชยสิ่งเลวร้ายทีเขาเคยทำในอดีต 

แต่เขาก็เข้าใจในทันทีว่า ความสุขที่เขาตั้งเป้าและหวังเอาไว้ ต่อให้เกิดขึ้นจริง เขาก็อาจจะไม่มีชีวิตอยู่และได้เห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยตาตัวเอง… แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เข้าใจ และพบคำตอบที่แท้จริงแบบไร้ข้อสงสัย ว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องทำให้ได้ ต่อให้เขาจะต้องตายจากโลกนี้ไปก็ตาม 

สิ่งที่สวยงามทั้งหมดนี้จะถูกดำเนินไปผ่านชีวิตแต่ละวันของ อาเธอร์ ในเกม Red Dead Redemption 2 แน่นอน แต่ว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องราวโรแมนติกโลกสวยเป็นแน่ จากหลายสิ่งที่ อาเธอร์ เคยผ่านมา 

ทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องของการไถ่บาป การลุกขึ้นสู้กับสิ่งต่าง ๆ ด้วยอุดมการณ์ของตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่เคยโดนหลอกใช้เมื่อครั้งอดีต… ตอนนี้เป็นหน้าที่ของคุณแล้ว ว่าคุณจะให้ อาเธอร์ มอร์แกน ถูกจดจำในแง่มุมใด คุณมีสิทธิ์หาทางออก เพื่อจบเรื่องราวนี้ได้ด้วยตัวคุณเอง 

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องราวของหนึ่งในตัวละครหลัก ที่ว่ากันว่าสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งในแง่ของความเท่, ปมภายใน, เรื่องราวในอดีต และ สตอรี่ในช่วงต่าง ๆ ของชีวิต… ถ้าคุณลองเล่นเกมนี้แล้วหลงรักสิ่งต่าง ๆ ที่ อาเธอร์ เป็น นั่นแสดงให้เห็นว่าการทำงานหนักในการออกแบบตัวละครตัวนี้ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ค่าย Rockstar เคยทำมาเลยทีเดียว